เพลี้ยไฟกุหลาบ จะเข้าดูดกินน้ำเลี้ยงที่ใบกุหลาบทำให้บิดเบี้ยวเป็นคลื่น มีรอยสีน้ำตาล, ดำ และแห้งตาย โดยเพลี้ยไฟมี 2 ชนิด คือ 1. Scirtothrips Hood 2. Thrips coloratus Schmutz
อาการของกุหลาบที่ถูกเพลี้ยไฟเข้าทำลาย
ลักษณะการทำลาย : ใบกุหลาบจะมีอาการใบบิดเบี้ยวเป็นคลื่น มีรอยสีน้ำตาล, ดำ และแห้งตาย เพลี้ยไฟกุหลาบทั้วตัวอ่อนและตัวแก่ จะดูดกินน้ำเลี้ยงส่วนอ่อนของพืช เช่น ยอดอ่อน, ตา, ดอก ทำให้ดอกมีสีซีดเป็นทางขาวๆ หรือมีสีน้ำตาล ดำ และเหี่ยวแห้ง ทำให้ใบ หงิกงอเป็นคลื่น มีรอยสีน้ำตาล ดำ และแห้งตาล หรือทำให้ดอกและใบบิดเบี้ยวเสียรูปทรง ดอกไม่บาน ตามปกติทำให้คุณภาพขายไม่ได้ราคา

รูปร่างลักษณะ : เพลี้ยไฟมีขนาดเล็กมาก รูปร่างเรียวยาวตัวอ่อนและตัวเต็มวัยที่มีลักษณะคล้ายกันแต่ตัวอ่อนไม่มีปีก ตัวเมียจะวางไข่ในเนื้อเยื้อพืช จะฟักออกเป็นตัวภายใน 2-3 วัน ตัวอ่อนจะมีสีเหลืองหรือสีฟางข้าว แล้วแต่ชนิด จะเริ่มดูดน้ำเลี้ยงอ่อนของพืช ต่อมา 4-5 วัน จะเข้าดักแด้ไม่เคลื่อนไหว ไม่กินอาหารสังเกตได้โดยหนวดจะหดสั้นชี้ตรงไปข้างหน้า ระยะนี้ใช้เวลา 1-2 วัน ก็เจริญเป็นตัวเต็มวัย มีปีก 2 คู่ ตัวเมียวางไข่โดยไม่ต้องผสมพันธุ์กับตัวผู้ ทำให้ขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว

การแพร่กระจาย : เพลี้ยมีการระบาดรุนแรงมาก ในช่วงที่มีอากาศแห้งแล้ง เคลื่อนที่โดยลม ส่วนมากเคลื่อนไหวในเวลากลางวัน ช่วงเวลา 08.00-12.00 น.

การควบคุมและป้องกัน :
1. สำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ ก่อนนำต้นไม้ต้นใหม่เข้ามาใหม่ต้องตรวจดูว่าไม่มีเพลี้ยไฟติดมาด้วยและควรกำจัดเพลี้ยไฟก่อนนำไปปลูกรวมกับต้นอื่นๆ
2. ถ้าเพลี้ยไฟทำลายไม่มากนัก ให้ตัดส่วนที่แมลงทำลายไปเผาทำลาย
3. ใช้สารสกัดจากสะเดา อัตรา 100 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น
4. ใช้กับดักเหนียว อัตรา 80 กับดักต่อไร่
5. ฉีดพ่นด้วยสารเคมีติดต่อกัน4 ครั้ง ช่วงห่างไม่เกิน4 วัน
จุกเสียบเดี่ยว M1
เชือกเขียว เบอร์4
จุกยางสำหรับ PE 16 มล. - 20 มล. (lv r 359-1500-7)
สามทางเกลียวนอก 16 มม. 
